ระหว่างที่เลนินป่วย(1922–23) สตาลินได้ใช้ภาพที่แก้ไขตัดแต่งนี้อ้างว่าเป็นภาพจริงเพื่อประโชน์ในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพรรค
มีความพยายามที่จะกุเรื่องว่าการอสัญกรรมของเลนินมีสาเหตุมาจากโรค
”ซิฟิลิส” ซึ่งอ้างว่าเป็นการทำวิจัยย้อนหลังและลงตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยาของยุโรปเมื่อปี
2004 ทำให้เกิดความสงสัยกันมาก ท่ามกลางจิตใจที่จดจ่อเคร่งเครียดอยู่กับกับการปฏิวัติต้องควบคุมดูแล ต้องต่อสู้ในสงครามกลางเมือง
และผลต่อเนื่องจากอาการบาดเจ็บในคราวที่ถูกลอบสังหาร ได้รบกวนสุขภาพให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมากเลนินยังมีหัวกระสุนฝังอยู่ในลำคอจนกระทั่งศัลยแพทย์ชาวเยอรมันได้ผ่าออกเมื่อ 24 เมษายน 1922
บรรดามิตรสหายผู้ร่วมงานทุกคนต่างยอมรับว่าเลนินทำงานเป็นเวลา14
ถึง 16 ชั่วโมงในแต่ละวันจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน สาละวนอยู่กับงานไม่ว่าจะเล็ก ใหญ่อยู่เป็นประจำ
เขาทำงานจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต โวลโคโกนอฟ กล่าว
เลนินให้ความสำคัญต่อการขนส่งน้ำมันใน อิวานโนโว-โวสเนสเซงสค์.... การจัดหาชุดทำงานให้แก่กรรม
กรเหมือง สอบถามและติดตามแก้ปัญหาในการผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ร่างเอกสารมากมายเป็นประจำ สั่งการ
ตกลงทางการค้า เป็นธุระในการปันส่วนอาหาร พิมพ์หนังสือ จุลสาร และบทความต่างๆตามคำเรียกร้องของสหาย พิจารณาเรื่องการใช้ประโยชน์จากถ่านพีท(ถ่านหินที่เกิดจากการทับถมของพืชในแอ่งเลน....ผู้เรียบเรียง) ช่วยปรับปรุงการทำงานในโรงงาน โนวิอี อธิบายความเห็นต่างของวิศวกร พี เอ
คอซมิน
ถึงความเป็นไปได้ในการใช้กังหันลมในการผลิตกระแสไฟฟ้าในชนบท ทั้งหมดนี้เลนินได้ทุ่มเทรับใช้งานเฉพาะหน้าของพรรคอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
เลนินจำได้ว่าเขาได้พักผ่อนจริงๆเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกก็ตอนที่หลบซ่อนตัวจากการไล่ล่าของ รัฐบาลชั่วคราวที่มีเคเรนสกีเป็นผู้นำ(ช่วงเวลานี้ได้นิพนธ์เรื่อง
รัฐและการปฏิวัติ) และตอนที่ถูก ธัญญา
คลัปปาน ลอบสังหาร เดือนมีนาคมเมื่อคณะแพทย์ที่ตรวจอาการของท่านไม่พบสมุหฐานของโรคไม่ว่าทางประสาทหรือทางพยาธิวิทยาแต่ประการใดนอกจากความอ่อนล้าและอาการปวดศีรษะเล็กน้อยเท่านั้นและได้แนะนำให้พักผ่อน เมื่อกลับไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนพฤษภาคมเลนินมีอาการทางหัวใจ ถึงสามครั้งเป็นเหตุให้พูดไม่ได้ไปหลายสัปดาห์ ร่างกายซีกขวาเกิดอาการชาอย่างรุนแรงจนกระทั่งเดือนพฤษภาคมจึงฟื้นกลับมาจากนั้นก็ทำงานได้อย่างจำกัด
ในเดือนพฤศจิกายนได้แสดงปฐกถาขนาดยาวสามครั้ง เดือนธันวาคม 1922 อาการทางหัวใจได้กำเริบขึ้นอีกร่างกายซีกขวาเป็นอัมพาตทำให้ต้องเลิกภารกิจทางการเมืองทั้งหมด มีนาคม
1923 อาการกำเริบเป็นตรั้งที่สามครั้งนี้ส่งผลอย่างรุนแรงต้องนอนรักษาอยู่บนเตียงโดยไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งวาระสุดท้าย
หลังจากมีอาการหัวใจล้มเหลวครั้งแรก เลนินได้เสนอรายงานของตนต่อรัฐบาลโดยให้ นาเดซดา ภรรยาเขียนตามคำบอกของเขาโดยเนื้อหาทั้งหมดเป็นข้อเสนอแนะของเลนิน(การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโซเวียต) เช่นกรณีจอร์เจียซึ่งเป็นความขัดแย้งในเรื่องวิธีเปลี่ยนแปลงสังคมและการเมืองภายใต้รัฐ
ธรรมนูญของสาธารณรัฐให้เสร็จสิ้นไป(ตามเอกสารของพรรค) วิจารณ์ผู้ปฏิงานพรรคระดับนำรวมไปถึง โจเซฟ
สตาลิน กริกอรี ซิโนเวียฟ เลฟ คาเมเนฟ นิโคไล บุคฮาริน และลีออน
ทร้อตสกีเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์(ตั้งแต่1922)ของสตาลิน เลนินรายงานเกี่ยวกับ
“อำนาจที่ไม่จำกัดขอบเขต” ในการรวมศูนย์ ที่เขาไม่สามารถยอมรับได้และได้แนะนำบรรดาสหายให้คิดหาทางกีดกันสตาลินออกจากตำแหน่งเลขาธิการใหญ่โดยใช้ถ้อยคำสื่อถึง”บุคลิกภาพ ที่หยาบกร้าน” “ดึงดันโดยไม่จำเป็น” “ขาดทักษะในการแก้ไขสนถานการณ์”
และ “มีข้อบกพร่องมากเกินไป” ซึ่งไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลขาธิการใหญ่
เมื่อเลนินถึงแก่อสัญกรรม, นาเดซดา ได้ส่งคำชี้แนะของเลนินไปยังคณะกรรมการกลางทางไปรษณีย์ และได้อ่านดังๆในการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 13
พฤษภาคม 1924 อย่างไรก็ตามอำนาจการนำสูงสุดยังคงอยู่ที่ระบบ ทรอยกา(การลากรถศึกแบบรัสเซียที่ใช้ม้าเทียมสามตัวเรียงกัน)ซึ่งประกอบ ด้วย
สตาลิน คาเมเนฟ ซิโนเวียฟ
ซึ่งเมินเฉยต่อคำชี้แนะของเลนินจนถึงปี 1925 จึงได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในสหรัฐอเมริกาโดย
แม๊กซ์ อีสแมน ปัญญาชนชาวอเมริกัน และในปีนั้นเองทร้อตสกีก็ได้พิมพ์คำชี้แนะของเลนินโดยย่อเอาแต่สาระสำคัญๆ โดยกล่าวว่าความปรารถนาของเลนินในบันทึกไม่ได้รับความใส่ใจปฏิบัติเท่าที่ควรถูกปกปิดหรือทำลายภายหลังเขาใช้เรื่องนี้ตอบโต้เรียกร้องความสนใจในการต่อต้านสตาลิน
เลนินเสียชีวิตที่กรุงมอสโคว์
เมื่อวันที่ 2 มกราคม
1924 เวลา 18.50 น. สิริอายุได้ 53 ปี ณ.ที่พำนักของท่านที่อยู่ในอนุสรณ์สถานกอร์กีซึ่งภายหลังได้ชื่อใหม่ว่า
กอร์กี เลนินสกีเย เพียงสี่วัน...ในห้องโถงที่ตั้งศพของ
วลาดิมีร์ อิลยิช เลนิน ผู้นำของบอลเชวิคได้มีประชาชนผู้โศกเศร้าเข้าเยี่ยมคารวะร่างที่ไร้วิญญาณของเขากว่า 999,000 คน ผู้นำรัฐบุรุษหลายชาติต่างได้ส่งสานส์แสดงความเสียใจ ซุนยัตเซน
ผู้นำการปฏิวัติจีนได้กล่าวสดุดีว่า
“ตลอดช่วงระยะเวลาของประวัติศาสตร์ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญนับหมื่นต่างใช้คำพูดได้อย่างสละสลวยและคำเหล่านั้นยังคงเป็นเพียงคำพูดอยู่ดี ยกเว้นท่าน..เลนิน ท่านไม่เพียงแต่พูดแต่ยังสอนเรา ท่านได้ทำให้คำพูดของท่านเป็นจริงขึ้นมา ท่านได้สร้างประเทศนี้ขึ้นใหม่ ท่านได้ชี้นำให้พวกเราได้เห็นถึงเส้นทางของการต่อสู้ ท่านช่างยิ่งใหญ่กระไรเช่นนั้น ท่านจะไม่ตายไปจากความทรงจำของประชาชนผู้ถูกกดขี่ในทุกๆประเทศ”
วินสตัน เชอร์ชิล
ผู้สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเข้าแทรกแซงและต่อต้านการปฏิวัติรัสเซีย
เป็นพันธมิตรกับขบวนการฝ่ายขาวในการเคลื่อนไหวทำลายชาวบอลเชวิคและลัทธิบอลเชวิคกล่าวว่า
“เขาน่าจะเป็นผู้ที่ค้นพบวิธีกลับสู่เส้นทางสายหลัก...ประชาชนชาวรัสเซียถูกทอดทิ้งให้จมปลักแห่งความทุกข์ทรมาน การถือกำเนิดของเขาคือความโชคร้าย
แต่การเสียชีวิตของเขาเป็นความเลวร้ายยิ่งกว่า”
พิธีศพ
ผู้เคลื่อนย้ายโลงศพของเลนินจากสถานีรถไฟไปยังหอแรงงาน เฟลิกซ์
ดเซอร์ซินสกี้ อยู่ด้านหน้าถัดไปคือ ทิโมไฟร ซาโปรนอฟ และเลฟ คาเมเนฟ อยู่ด้านซ้าย
ในวันถัดมารัฐบาลโซเวียต
ได้ประการกาศการมรณกรรมของเลนินต่อสาธารณชนโดย มิคฮาอิล คาลินิน
ประธานแห่งรัฐอ่านแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อตัวแทนสมาชิกสภาโซเวียตทั่วทั้งรัสเซียด้วยน้ำตานองหน้าเมื่อเวลา
11 นาฬิกา พร้อมไปกับคณะแพทย์ที่เริ่มชัณสูตรศพ วันที่ 23 มกราคคณะกรรมการกลางของพรรค องค์กรพรรคประจำมอสโคว์ บรรดาสหภาพแรงงาน และสภาโซเวียตคนงาน ได้มาชุมนุมกันหน้าบ้านพักของท่านเพื่อแบกโลงสีแดงที่บรรจุศพ
มีคาเมเนฟ ซิโนเวียฟ สตาลิน บุคฮาริน บุบโฮฟ และคราซิน
เป็นผู้แบกโลง ฝูงชนที่โศกเศร้าพากันหลั่งไหลมายังสถานีรถไฟตลอดทางเข้าเมืองซึ่งมีระยะทางยาวกว่าห้าไมล์จากสถานีรถไฟปาเวลเลทสกี (Paveletsky)ไปยังหอแรงงานซึ่งเป็นที่ตั้งศพก็หนาแน่นไปด้วยผู้คนประชาชนนับล้านต่างเดินทางมาจากทั่วทั้งสหภาพโซเวียตยืนเข้าแถวหลายๆชั่วโมงท่ามกลางหิมะและอากาศที่หนาวเย็นเพื่อเคารพศพด้วยความอาลัยรัก หลังการมรณกรรมได้ใม่นาน...เมืองเปโตรกราดก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น”เลนินกราด” เพื่อเป็นเกียรติ์แก่เลนินเรื่อยมาจนถึงปี
1991 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงจึงเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิมอีกแต่ยังคงไว้ซึ่งชื่อของ “เขตปกครองเลนินกราด” เอาไว้ ร่างของเลนินถูกตั้งแสดงไว้ที่สุสานเลนินในมอสโคว์เมื่อวันที่ 27 มกราคม 1924 มาจนกระทั่งทุกวันนี้
20. การเมืองและการปฏิวัติ
เลนินคือนักปฏิวัติแห่งลัทธิมาร์กซอย่างแท้จริง ทฤษฏีปฏิวัติของเขาเชื่อถึงความจำเป็นในการโค่นล้มระบอบทุนนิยมด้วยการใช้กำลังก้วยการปฏิวัติเพื่อสถาปนาเผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพซึ่งเป็นคนส่วนข้างมากเพื่อก้าวไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ในที่สุด และจะต้องมีพรรคการเมืองของชนชั้นกรรมาชีพที่มีลักษณะสู้รบเป็นกองหน้าชี้นำ
เป็นการพัฒนาไปสู่ลัทธิมาร์กซ-เลนิน อันเป็นอุดมการ์ณ์ที่ทรงอิทธิพล โรเบิร์ต
เซอร์วิส
นักเขียนชีวประวัติของเลนินให้ข้อสังเกตว่า เลนินคัดค้านแนวคิดของลัทธิอุดมธรรม,พิจารณาว่าสำนึกทางศีลธรรมไม่สามารถตอบปัญหาของสังคมได้อย่างถูกต้องเที่ยงธรรม ท่านวินิจฉัยว่าการปฏิบัติเป็นปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินชี้ขาดถึงความสำเร็จของการปฏิวัติ
ข้อสรุปของเลนินที่ว่า
“จักรพรรดินิยมคือขั้นตอนสูงสุดของระบอบทมุนนิยม”
การปฏิวัติของเลนินไม่ใช่แต่เฉพาะในรัสเซียเท่านั้นหากทั้งโลก เพื่อการปฏิวัติโลก
“สากลที่สาม” หรือองค์กรคอมมิวนิสต์สากลได้ประชุมก่อตั้งขึ้นในรัสเซียเมื่อปี
1919 เพื่อแทนที่สากลที่สองซึ่งเต็มไปด้วยอิทธิพลของแนวคิดอื่นที่ไม่ใช่ลัทธิมาร์กซ เลนินมีอิทธิพลมากในการประชุมสภาของสากลครั้งแรก ครั้งที่สอง(1920) และครั้งที่สาม(1921) เขาหวังที่จะใช้องค์กรนี้เป็นตัวแทนของการปฏิวัติสังคมนิยมในระดับสากล แต่หลังจากความล้มเหลวของการปฏิวัติในโปแลนด์อันเป็นชนวนให้เกิดสงคราม
โซเวียต-โปแลนด์ขึ้นในปี1919–21 อีกทั้งการปฏิวัติในเยอรมันนีและใรยุโรปตะวันออกหลายๆแห่งถูกบดขยี้ลง เลนินได้เห็นถึงการต่อต้านอาณานิคมในประเทศเมืองขึ้นเพิ่มมากขึ้น จึงให้ความสนใจที่จะขยายการต่อสู้ปฏิวัติไปสู่ ปเหล่าประเทศอาณานิคม เขามีความเชื่อว่าการปฏิวัติในประเทศอาณานิคมเหล่านี้จะมีความเป็นไปได้โดยการเป็นพันธมิตรระหว่างชนชั้นกรรมาชีพและชนชั้นชาวนาในชนบท
ปี 1923 เลนินกล่าวว่า ผลสะเทือนของการต่อสู้ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นแค่ในรัสเซีย อินเดีย
จีน ฯลฯ หากแต่รวมไปถึงประชาชนส่วนใหญ่ของโลกด้วย ภายในเพียงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านไปการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยยิ่งจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าผลของการต่อสู้ในโลกจะเป็นเช่นไร เช่นนี้แล้วชัยชนะของสังคมนิยมจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เลนินได้กล่าวชื่นชมต่ออุดมการณ์พื้นฐานของการปฎิวัติสังคมนิยมในจีนที่นำโดยซุนยัตเซ็นและพรรคกว๋อหมินตั่ง
เลนินได้ยกย่องซุนในความตั้งใจที่จะปฏิรูปสังคมและแสดงความยินดีต่อการต่อสู้กับจักรพรรดินิยมต่างชาติ และซุนเองก็ชื่นชมต่อเลนินในฐานะ
“บุรุษผู้ยิ่งใหญ่”
และได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการปฏิวัติรัสเซีย พรรคกว๋อหมินตั่งเป็นพรรคปฏิวัติของนักชาตินิยมที่
ใช้ลัทธิเลนินในการจัดตั้งโดยการช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต
21. งานนิพนธิ์
เลนินเป็นนักทฤษฎีการเมืองและนักปรัชญาที่มีผลงานมากมายและได้นำเสนอมุมมองทางการเมืองเพื่อการปฏิวัติของชนชั้นกรรมาชีพ เขาเขียน จุลสาร บทความ และหนังสือโดยไม่ต้องมีนักจดเชาวเลขหรือเลขานุการยกเว้นตอนล้มเจ็บ เขาประพฤติ ปฏิบัติไม่ว่าต่อสหาย พันมิตร และเพื่อน ทั้งในรัสเซียและทั้งโลกเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด งานนิพนธิ์ของเขาที่มีการรวบรวมไว้ประกอบด้วย
54 ชุด แต่ละชุดมี 650 หน้า แปลเป็นภาษาอังกฤษ 45 ชุด
โดยสำนักพิมพ์ก้าวหน้ามอสโคว์และเป็นหนังสือที่นับว่าทรงอิทธิพลมาก คือ
- จะทำอะไรดี? (What is to be Done?
1902) กล่าวถึงการปฏิวัติต้องมีพรรคที่ปฏิวัติเป็นกองหน้า
- จักรพรรดินิยม
ขั้นสูงสุดของทุนนิยม (Imperialism,
the Highest Stage of Capitalism 1916) ได้อรรถาธิบายถึงว่า
ทำไมระบอบทุนนิยมจึงต้องพังทลายอย่างที่มาร์กซได้คาดการไว้ และกล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งว่าเป็นสงครามของระบอบทุนนิยมก่อขึ้นเพื่อแย่งชิง ดินแดน
แหล่งทรัพยากร และแรงงานราคาถูก
-
รัฐและการปฏิวัติ (The State and the Revolution
1917) ได้อธิบายแนวคิดของมาร์กซและเองเกลส์ ถือว่าเป็นพื้นฐานทางทฤษฎีของการปฏิวัติเดือนตุลาคมและโต้แย้งพรรคสังคม-ประชาธิปไตยที่มีแนวโน้มลังเลในการปฏิวัติ
-
บทนิพนธิ์เดือนเมษายน (April Theses 1917) เสนอเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์สังคมที่มีความจำเป็นในการปฏิวัติสังคมนิยม
-
คอมมิวนิสต์ปีกซ้าย โรคไร้เดียงสา (Left-Wing" Communism: An Infantile Disorder 1920) เป็นข้อวิจารณ์พวกซ้ายจัดในพรรคอย่างแหลมคม
หลังอสัญกรรมของเลนิน
ทางการสหภาพโซเวียตได้ตรวจสอบบทนิพนธิ์บางส่วนให้เป็นหลักการของ เลนิน สตาลินและคณะกรรมการกลาง ดังนั้นการพิมพ์ครั้งที่
5 (55 ชุด /1958-65) จึงได้ลบเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเลนิน-สตาลิน
และเรื่องที่ไม่เหมาะสมของผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียตออกไป ริชาร์ด ไปป์ส
นักประวัติศาสตร์ได้ตีพิมพ์ เอกสาร จดหมาย โทรเลข ที่ถูกลบออกจากฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5 ขึ้นและให้ความเห็นว่าการพิมพ์ครั้งที่
5 นี้ไม่มีความสมบูรณ์
ชีวิตส่วนตัวและบุคลิกภาพ
“รวมบทนิพนธ์ของเลนิน เปิดเผยให้เห็นถึงรายละเอียดของคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เป็นตัวของตัวเอง ไม่กลัวศัตรูและอุปสรรคทั้งปวง มีการตัดสินใจที่แน่วแน่และกระตือรือล้น มีพลวัตรอย่างไม่รู้จักจบสิ้น มีพลังในการโน้มน้าวผู้อื่น มีความจริงจังและบุคลิกที่น่าประทับใจและอยากใกล้ชิด อุทิศตน มีไหวพริบ,เฉลียวฉลาดและมีทักษะเป็นเลิศในทางการเมือง กล้าที่จะนำเสนอสิ่งที่เป็นสัจธรรม ชีวิตของเขาได้กลายไปเป็นประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวของบอลเชวิค” หลุยส์ ฟิชเชอร์ 1964
ทร้อตสกีที่รู้จักเลนินดีบรรยายว่า: ลักษณะภายนอกของเลนินคือความเรียบง่ายแต่เข้มแข็ง รูปร่างไม่สูงนักใบหน้ามีลักษณะแบบชาวสลาฟทั่วๆไป
ดวงตาสุกใสลุ่มลึก ลักษณะเด่นเป็นพิเศษคือหน้าผากโหนกใหญ่และทรงพลัง ทรอทสกีประเมินบทบาทของเลนินในเดือนเมษายน 1917ว่า เมื่อเขา(เลนิน)ได้ติดอาวุธใก้แก่พรรคบอลเชวิคอีกครั้งด้วย”บทนิพนธิ์เดือนเมษายน”
อันลือลั่น ทรอทสกี้กล่าวถึงลักษณะเฉพาะด้วยนัยทางทฤฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์
“ทันทีที่เลนินกลับจากต่างประเทศหลังจากลี้ภัยไปนาน สื่อต่างๆได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้ทางความคิดกับบรรดาสหายสมาชิกพรรครุ่นเก่าที่ได้วิพากษ์วิจารณ์ยุทธวิธีของเขาจบลงด้วยชัยชนะถือได้ว่าเป็นปัญหาของการต่อสู้ในวงกว้าง ในกรณีนี้กล่าวง่ายๆก็คือเป็นความเห็นต่างที่เต็มไปด้วยลักษณะกลไก ลัทธิปัจเจก ลัทธิวีรชน ลัทธิอัจฉริยภาพ ที่คัดค้านเงื่อนไขทางภววิสัยของมวลชนและพรรค ในความเป็นจริง...ความแตกต่างนี้ได้จบลงเพียงด้านเดียว เลนินไม่ใช่องค์ประกอบที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญในการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นผลผลิต เป็นรากก้ำวที่ได้หยั่งลึกที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมดของรัสเซีย พร้อมทั้งเป็นกองหน้าของมวลชนคนงานที่อุทิศชีวิตตลอดยี่สิบห้าปีบนเส้นทางของการต่อสู้ปฏิวัติ”
เบอร์ทรัล รัสเซลล์ ที่ใช้เวลาสนทนากับเลนินเป็นชั่วโมงกล่าวว่า: “มีท่าทีที่เป็นมิตรมาก ข้อเด่นคือเป็นคนง่ายๆไม่มีเค้ารอยของความหยิ่งยะโสแม้แต่น้อย ถ้ามีใครสักคนหนึ่งพบเขาโดยที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนคงไม่คิดว่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดหรือแม้แต่จะคิดว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด ผมไม่เคยพบบุคคลสำคัญที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับตัวเองถึงเพียงนี้ เขามองผู้เป็นแขกด้วยความสนิทสนมใกล้ชิด จ้องลึกเข้าไปในดวงตาซึ่งทำให้เพิ่มความหวั่นเกรงขึ้นมาอีก ครั้งแรกดูเหมือนว่ารื่นเริงเป็นกันเองเขาหัวเราะด้วยอารมณ์เบิกบาน หลังจากนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าค่อนข้างจะน่ากลัวเขามีลักษณะผู้นำที่เข้มงวด สงบนิ่ง ไม่มีความกลัว ที่พิเศษคือการไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทฤษฎี,แนวคิดเกี่ยวกับวัตถุนิยมประวัติศาสตร์นั้นรู้สึกว่าจะซึมซ่านอยู่ในจิตวิญญาณและสายเลือด รักที่จะอธิบายชี้แจงอยู่เสมอเหมือนศาสตราจารย์ที่ฉุนเฉียวเพราะไม่ต้องการให้ความรู้ความเข้าใจในทฤษฎีผิดไป ผมมีความประทับใจที่เขาไม่ชื่นชมต่อปัญญาชนขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย”
จากที่กล่าวมาทั้งหมดเกี่ยวกับบุคลิกภาพส่วนตัวของเลนินคือแบบอย่างของผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนรักเด็กและแมว โปรดปรานการปั่นจักรยานเป็นอย่างมาก ชอบถ่ายรูป เล่นหมากรุก เล่นเสก๊ต ว่ายน้ำ ดนตรี และการปีนเขา ในขณะที่ลี้ภัยในสวิตเซอร์แลนด์เลนินและภรรยาชอบการเดินขึ้นเขา ชีวิตส่วนตัวและรายละเอียดปลีกย่อยของเลนินได้ถูกเล่าไว้ในหนังสือ ”ความทรงจำถึงเลนิน” (Memories
of Lenin.) ที่บันทึกโดย นาเดซดา ครุฟสกายา ภรรยาคู่ชีวิตและมิตรร่วมรบของท่าน
-----------------------------------------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment