Saturday, October 24, 2015

26 เรื่องเกี่ยวกับ Islamic State ....


   
26 เรื่องเกี่ยวกับ Islamic State ที่โอบามาไม่ต้องการให้คุณรู้

โดย   Prof. M . Chossudovsky        19  พฤศจิกายน 2014

สหรัฐฯ ทำสงครามกับ อิสลามมิค เสตท เป็นการโกหกคำโต  

หลังจากสหรัฐฯได้เปิดฉากสู้รบกับ “กลุ่มก่อการร้าย อิสลาม”  ที่ได้ดำเนินไปในขอบเขตทั่วโลกก่อนหน้านี้เพื่อ  ”ปกป้องบ้านเกิดของประชาชนอเมริกัน”  ที่สหรัฐฯได้ใช้เป็นข้ออ้างยืนยันถึงความถูกถูกต้องในการใช้กำลังทหารกับกลุ่ม ”รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลเว้นท์ “(Islamic State of Iraq and the Levant /ISIL)  ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯเอง     นั่นเป็นนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของวอชิงตัน ในอิรักและซีเรีย รวมไปถึงการหนุนช่วยพวกผู้ก่อการร้าย

การโจมตีอย่างขนานใหญ่ของกลุ่มที่เรียกตนเองว่า รัฐอิสลาม ในอิรักได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2014   นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนอย่างระมัดระวังในปฏิบัติการทางการทหารของหน่วยสืบราชการลับ   ที่ได้รับการหนุนช่วยอย่างลับๆจากรัฐบาลสหรัฐฯ  นาโต และอิสราเอล
ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายนั้นคือนิทานโกหก    แท้จริงแล้ว สหรัฐฯก็คือประเทศตัวการที่ให้การอุปถัมภ์ระบอบก่อการร้าย

สหรัฐฯและพันธมิตรคือผู้ให้การปกป้อง กลุ่ม อิสลามมิค เสตท (ซึ่งต่อไปจะใช้คำว่า ไอซิส)   ถ้าสหรัฐฯต้องการจะกวาดล้างกองกำลังของไอซิสอย่างแท้จริงแล้ว    ก็สามารถทิ้งระเบิด ”ปูพรม” ขบวนรถปิคอัพโตโยต้าของไอซิส ในขณะที่กำลังลำเลียงพลข้ามพรมแดนอิรักไปยังซีเรียเมื่อเดือนมิถุนายน
ทะเลทราย ซีโร-อารเบียน เป็นพื้นที่เปิดกว้าง     ในสภาพภูมิประเทศเช่นนี้เครื่องบินขับไล่โจมตีเช่นเอฟ-15   เอฟ 22 แรปเตอร์  และ ซี.เอฟ 18  ที่เป็นกำลังหลักสามารถปฏิบัติการได้อย่างสะดวก
ในรายการข้างล่างนี้เราได้แสดงความเห็น 26 ข้อ     เป็นข้อโต้แย้งหักล้างการโกหกคำโตที่ร่างขึ้นโดยสื่อที่ตระหนักถึงภาระหน้าที่สำคัญในด้านมนุษยธรรม      เนื่องมาจากการปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ในการต่อต้านซีเรียและอิรักโดยตรงส่งผลให้พลเรือนต้องบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก  
มันถูกละเลย...ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อตะวันตก   ที่ได้สนับสนุนต่อการตัดสินใจของโอบามาอย่างเต็มที่   ในนโยบาย “ปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้าย” 

ต้นกำเนิดของ  อัล กออิดะห์ ในเส้นทางประวัติศาสตร์

1.  สหรัฐฯให้การสนับสนุน อัล กออิดะห์  และร่วมมือกันเกือบจะครึ่งศตวรรษมาแล้ว  ตั้งแต่วันแรกของสงครามโซเวียต - อัฟกานิสถาน

2.  ค่ายฝึกที่ดำเนินการโดย CIA  ตั้งอยู่ในประเทศปากีสถาน      ในช่วงสิบปีตั้งแต่ 1982  ถึง 1992 นักรบจิฮาด  35,000 คน จากประเทศอิสลาม  43  ประเทศ  ถูกฝึกโดย  CIA เพื่อรบในอัฟกานิสถาน CIA  จ่ายเงินค่าโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์และหนังสือข่าว(Newsletters)ที่กระจายไปทั่วโลก  เป็นการจูงใจให้ชาวมุสลิมเข้าร่วมการต่อสู้ จิฮาด

3. ตั้งแต่ เรแกน บริหารประเทศ    วอชิงตันได้ช่วยเหลือสนับสนุนเครือข่ายก่อการร้ายอิสลามทั้งหมด โรนัลด์  เรแกน  เรียกบรรดากลุ่มก่อการร้ายว่า”นักรบเพื่อเสรีภาพ”    สหรัฐฯเป็นผู้ส่งอาวุธให้กองกำลังอิสลามิก     ทุกอย่างจะเป็น ”เรื่องที่ดี” ไปหมดถ้าเป็นการต่อสู้กับสหภาพโซเวียต     เพื่อโค่นกลุ่มปก ครองที่โซเวียตหนุนหลังอยู่     และนั่นเป็นการสิ้นสุดของรัฐบาลที่ไม่ใช่กลุ่มศาสนาในอัฟกานิสถาน
 โรนัลด์  เรแกน  พบปะกับ เหล่าผู้นำ มูจาฮีดีน อัฟกัน ที่ทำเนียบขาวเมื่อปี1985 (จากเอกสารของเรแกน)    
4. หนังสือคู่มือของกลุ่มจิฮาด   ที่ได้จัดพิมพ์โดยมหาวิทยาลัย เนบราสกา   มีความตอนหนึ่งว่า....   “สหรัฐอเมริกาได้ใช้เงินหลายล้านเหรียญเพื่อจัดหาหนังสือเรียนให้แก่เด็กนักเรียนชาวอัฟกัน     ซึ่งหนังสือเรียนเหล่านี้เต็มไปด้วยรูปภาพที่สะท้อนถึงความรุนแรง  และคำสอนของกองกำลังอิสลาม”

5. โอซามะ  บิน ลาเดน  เป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวในอเมริกา     เป็นผู้ก่อตั้งขบวนการ อัล  กออิดะห์  เขาได้รับการจัดตั้งโดย CIA ในปี 1979  ตั้งแต่ระยะแรกๆที่อเมริกาให้การอุดหนุนการทำสงครามจิฮาด  ต่อต้านรัสเซียในอัฟกานิสถาน      ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุได้ 22 ปี  ผ่านการฝึกการรบแบบกองโจรจากค่ายฝึกที่ CIA ให้การสนับสนุน

กลุ่มอัล กออิดะห์ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีกรณี 9/11    เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน 2011นั้น เป็นข้ออ้างเพื่อใช้สร้างเงื่อนไขในการเริ่มสงครามภาคพื้นดิน   ซึ่งรัฐบาลอัฟกานิสถานเป็นฝ่ายสนับ สนุนกลุ่ม อัล กออิดะห์   เพื่อต่อต้านการก่อการร้าย      เหตุการณ์ 9/11 เป็นเพียงเครื่องมือและสูตรสำ เร็จของการทำ “สงครามต่อต้านการก่อการร้ายในระดับสากล” ของสหรัฐ

รัฐอิสลาม (The Islamic State /IS )

6. โดยเนื้อแท้แล้ว กลุ่มรัฐอิสลาม มีความสัมพันธ์กับ อัล กออิดะห์ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ     และได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยสืบราชการลับ MI6 ของสหราชอาณาจักร       หน่วยตำรวจลับ มอสสาด (Mossad) ของอิสราเอล     สำนักงานความมั่นคงทั่วไปของปากีสถาน (ISI)   และ สำนักงานเพื่อความมั่นคงของ ซาอุดิ อารเบีย (GIP), Ri’āsat Al-Istikhbārāt Al-’Āmah ( رئاسة الاستخبارات العامة).อย่างแยกกันไม่ออก

7. กองกำลังของ  ISIL ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯและนาโต   ให้ก่อความวุ่นวายขึ้นในซีเรีย เพื่อต่อต้านและโค่นรัฐบาลของ บาร์ซาร์ อัล อัสซาดโดยตรง  
8.  นาโตและผู้บัญชาการระดับสูงชาวตุรกีเป็นผู้รับผิดชอบในการระดมพลและฝึกอาวุธให้แก่สมาชิก ไอซิล    และทหารรับจ้าง  อัล นุสรา  มาตั้งแต่เริ่มก่อการจราจลในซีเรียเมื่อเดือน มีนาคม 2011  จากแหล่ง ข่าวของหน่วยราชการลับ อิสราเอล ที่สามารถยืนยันได้   ระบุว่า  ....” การรณรงค์ระดมอาสาสมัครในโลก อืสลามเข้าต่อสู้ร่วมกับกลุ่มกบฏซีเรีย     กองทัพตุรกีให้ที่พักพิงแก่อาสาสมัครเหล่านี้   ฝึกพวกเขา และ    ส่งข้ามพรมแดนไปยังซีเรียอย่างลับๆ (จากไฟล์ของ DEBKA /เวปไซท์ด้านการเมืองและการทหารของหน่วยข่าวกรองอิสราเอล)     โดยนาโตเป็นผู้ติดอาวุธต่อต้านรถถังให้ เมื่อ 14 สิงหาคม 2011”

9. มีหน่วยรบพิเศษและหน่วยสืบราชการลับของตะวันตกเข้าร่วมปฏิบัติการกับ ไอซิล    หน่วยรบพิเศษและหน่วยสืบราชการลับ MI6 ของสหราชอาณาจักรมีส่วนในการช่วยฝึกนักรบฝ่ายกบฏที่ปฏิบัติการในซีเรีย

10. ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการทหารที่มีความผูกพันเป็นพิเศษกับเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ได้ฝึกการใช้อาวุธเคมีให้แก่กลุ่มกบฏด้วย   สำนักข่าว CNN รายงานเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2012 ว่า  ”...สหรัฐฯและพันธมิตรยุโรปบางประเทศที่มีข้อตกลงเกี่ยวกับการป้องกันร่วมกัน       ได้ช่วยฝึกกลุ่มต่อต้าน รัฐบาลซีเรียให้รู้จักการรักษาความปลอดภัยแก่คลังอาวุธเคมีในซีเรีย          ซึ่งเจ้าพนักงานระดับสูงของสหรัฐฯและนักการทูตอาวุโสหลายคนได้ให้สัมภาษณ์ CNN เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

11. การฝึกปฏิบัติวิธีตัดหัวของกลุ่มไอซิล   สหรัฐฯมีส่วนในการให้การสนับสนุนโครงการฝึกของกลุ่มก่อการร้ายโดยใช้สถานที่และอุปกรณ์ในประเทศซาอุดิ อารเบียและกาตาร์

12. โดยผ่านการคัดเลือกจากพันธมิตรของสหรัฐฯ   ทหารรับจ้างส่วนใหญ่คือบรรดานักโทษอาญาที่ถูกปล่อยตัวออกจากคุกของซาอุดิอารเบีย   ภายใต้ข้อตกลงที่ว่าจะต้องเข้าร่วมในกองกำลังไอซิล.  บรรดา นักโทษเดนตายชาวซาอุดิเหล่านี้จะได้รับการฝึกและให้เข้าร่วมกับกองกำลังที่โหดร้ายน่ากลัวเหล่านั้น
13. อิสราเอลให้การหนุนช่วยกองกำลังของผู้ก่อการร้ายไอซิลและ อัล นุสรา  จากที่ราบสูงโกลัน (ที่อิสราเอลยึดครองไปจากซีเรียในสงครามหกวัน)       พวกนักรบจิฮาดมีการพบปะกับเจ้าหน้าที่หน่วยกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF/ Israel Defense Forces) กระทั่งนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู     เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ IDF ต่างรู้เห็นเป็นใจกับ เงื่อนไขปัจจัยของพวกจิฮาดในซีเรีย(ไอซิล และ อัล นุสรา)   และสนับสนุนโดยอิสราเอล
 นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และ โมเช ยาลอน รัฐมนตรีกลาโหม  เยี่ยมทหารรับจ้างที่ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลสนามของทหาร ในเขตยึดครองที่ราบสูงโกลันซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนของซีเรีย เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2014

ซีเรียและอิรัก

14. ไอซิล คือกองกำลังทหารราบของกลุ่มพันธมิตรตะวันตก   ที่มีคำสั่งลับให้สร้างความหายนะและทำลายซีเรียและอิรัก    แสดงบทบาทภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ  

15. วุฒิสมาชิก จอห์น  แมคเคน ของสหรัฐฯ ในขณะพบปะกับผู้นำกลุ่มก่อการร้ายจิฮาดในซีเรีย

16.  กองกำลังไอซิส ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้      ได้ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายในการรณรงค์เพื่อปฏิบัติการทิ้งระเบิด  ของสหรัฐฯและนาโตในประเด็น  “ต่อต้านผู้ก่อการร้าย”      ได้รับอาณัติให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆโดยสหรัฐฯ   วอชิงตันและพันธมิตรได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่กลุ่ม รัฐอิสลาม
17.  เป้าหมายการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯและพันธมิตรไม่ได้อยู่ที่กลุ่มก่อการร้ายไอซิล    แต่กลับเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของอิรักและซีเรีย   รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมและโรงกลั่นน้ำมัน

18.  โครงการอาณาจักรศักดินากาหลิบ (Caliphate)ของรัฐอิสลาม  คือส่วนหนึ่งของนโยบายระยะยาวของสหรัฐฯ  ในการตัดแบ่งอิรักและซีเรียออกเป็นส่วนๆได้แก่    อาณาจักรกาหลิบอิสลามนิกายสุหนี่    สาธารรัฐอิสลาม(นิกาย)ชิอะห์    และอีกส่วนหนึ่งคือสาธารณรัฐแห่งเคิร์ดดิสถาน

ว่าด้วยโลกของสงครามก่อการร้าย  

19. “โลกของสงครามก่อการร้าย” เป็นการแสดงให้เห็นถึง ”การแตกสลายของอารยธรรม เป็นสงครามระหว่างการแข่งขันช่วงชิงกันในคตินิยมทางศาสนาต่างๆ    แต่ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมา    นั่นคือสงครามเพื่อการ   ยึดครอง   โดยมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจเป็นตัวชี้นำ

20.  สหรัฐฯให้การสนับสนุนขบวนการ อัล กออิดะห์  อย่างลับๆผ่านหน่วยงานความมั่นคงของตะวันตก       โดยเคลื่อนไหวในประเทศ มาลี  ไนเจอร์  ไนจีเรีย  สาธารณรัฐอัฟฟริกากลาง โซมาเลีย และเยเมน    ในหนังสือ “สงครามก่อการร้ายของอเมริกา” ของ ศ.ไมเคิล   โชสซูดอฟสกี้  กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า   “.... กลุ่ม อัล กออิดะห์   ขยายตัวไปในที่ต่างๆทั้งในตะวันออกกลาง    แถบประเทศกึ่งทะเลทรายสะฮาราในอัฟริกาและเอเซีย    ได้รับการสนับสนุนด้านแนวคิดจาก ซี.ไอ.เอ     พวกเขาถูกสหรัฐฯใช้เป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลาย   สร้างความขัดแย้งภายใน   ทำลายความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศต่างๆ

21.  กลุ่มโบโก ฮาราม ในไนจีเรีย     อัล ชาบาบ ในโซมาเลีย   กลุ่มนักรบอิสลามแห่งลิเบีย (LIFG /Libyan Islamic Fighting Groupที่สนับสนุนโดย นาโต เมื่อปี 2011   อัล กออิดะห์ในอิสลามิก มาเกรป   เจมาอิสลามมิยะห์  (JI) ในอินโดนีเซีย    กลุ่มอื่นๆที่มีความสัมพันธ์กับ อัล กออิดะห์  ต่างก็ได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากหน่วยงานความมั่นคงของตะวันตก

22. สหรัฐฯยังให้การสนับสนุนองค์การก่อการร้ายที่มีความสัมพันธ์กับ อัล กออิดะห์ ในเขตปกครองตน เอง ซินเกียง อุยกูร์   ของจีนอีกด้วย     โดยมีเป้าประสงค์ที่แอบแฝงอยู่ก็คือการจุดชนวนความยุ่งยากทางการเมืองและสร้างความไม่ความมั่นคงทางพรมแดนด้านตะวันตกของจีน     มีรายงานว่ากลุ่มจิฮาด จีน  ได้รับการฝึก ”ก่อการร้าย“ จากกลุ่มรัฐอิสลามเพื่อปฏิบัติการโจมตี        การประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มจิฮาดที่มีพื้นฐานอยู่ภายในจีน  (ซึ่งรับใช้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ)        ก็เพื่อการขยายรัฐศักดินาอิสลาม (Islamic caliphate) ไปสู่พื้นที่ด้านตะวันตกของจีน

23. ผู้ก่อการร้ายคือสหรัฐฯเอง    ในขณะที่สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอิสลามมิก เสตท อย่างเงียบๆ    โอบามาก็ประกาศภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องอเมริกาจากการโจมตีของ ไอซิล

24. การเติบใหญ่ของผู้ก่อการร้ายเป็นการคุกคามต่อความมั่นคงภายในของแต่ละประเทศนั้น     เป็นเรื่องที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาโดยรัฐบาลของค่ายตะวันตกและสื่อต่างๆที่ช่วยกันสร้างภาพ         มันเป็นการล้มล้างสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเพื่อสร้างรัฐตำรวจขึ้นมาแทน      ความหวาดกลัวที่จะถูกโจมตีโดยพวกจิฮาด และคำประกาศเตือนของรัฐในเรื่องการก่อการร้าย  เป็นสภาวะการที่จัดฉากขึ้น       พวกเขาจะใช้การสร้างบรรยากาศของความกลัวและการ ขู่ขวัญ คุกคามอย่างสม่ำเสมอ          ในทางกลับกันก็มีการจับกุม  ไต่สวน   ตัดสินลงโทษ  ”ผู้ก่อการร้ายอิสลาม ?”   เพื่อธำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมทางกฎหมายความมั่นคงของบ้านเกิดเมืองนอนอเมริกาด้วยการบังคับใช้กฎหมาย    ซึ่งจะทำให้เป็นแบบทหารมากขึ้น

เป้าประสงค์สูงสุดคือการค่อยๆทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ค่อยๆซึมซ่านเข้าไปในจิตใจของชาวอเมริกันนับล้านๆคนให้ตระหนักถึงตัวตนของศัตรูที่แท้จริง       และให้มั่นใจว่าการบริหารรัฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะสามารถปกป้องชีวิตของประชาชนได้

25. "การต่อต้านการก่อการร้าย"  การรณรงค์ต่อต้าน รัฐอิสลาม(Islamic State)   ได้มีส่วนในการทำให้ชาวมุสลิมโดยทั่วไปกลายเป็นปีศาจ      ซึ่งในสายตาและความคิดเห็นของสาธารณชนตะวันตกที่มองว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มจิฮาด jihadists

26.   ไม่ว่าใครก็ตามที่บังอาจสอบถามถึงเหตุผลของนโยบาย ”ทำสงครามกับลัทธิก่อการร้าย” จะถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเสียเอง     จะถูกควบคุมโดยกฎหมายต่อต้านผู้ก่อการร้าย

เป้าประสงค์หลักของ “การทำสงครามกับลัทธิก่อการร้าย”  คือการทำให้ประชาชนอ่อนแอลง   เป็นการทำลายชีวิตทางสังคมการเมืองของอเมริกาโดยสิ้นเชิง      เป็นการขัดขวางประชาชนมิให้ใช้ความคิดและสร้างมโนคติที่ผิดๆจากการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง     มันเป็นการท้าทายความถูกต้องในการตรวจสอบและกฎเกณฑ์ทางสังคมที่เป็นอยู่ในสหรัฐอเมริกาเอง

No comments:

Post a Comment